
คำศัพท์โป๊กเกอร์ หากผู้เล่นกำลังมองหาความรู้เกี่ยวกับการเล่น โป๊กเกอร์ ออนไลน์ อยู่ บทความนี้ช่วยได้แน่นอน
ขอต้องรับสู่คู่มือคำศัพท์เกี่ยวกับโปกเกอร์อย่างละเอียดที่มีตั้งแต่คำว่า “action and ante”ไปจนถึง “top pair” และ “under the gun”ฉะนั้น ทำใจให้สบายและเริ่มมาเรียนรู้คำศัพท์เหล่านั้นกันดีกว่า
เป็นคำที่ใช้ได้ใน 3 ความหมาย ดังนี้
Ante
ผู้เล่นทุกคนจำเป็นต้องวางเดิมพันจำนวนเล็กน้อยก่อนที่จะมีการแจกไพ่ เพื่อเพิ่มเงินกองกลางก่อนเริ่มการเล่น
ซึ่งถึงแม้ Ante จะเหมือนกับการวางเดิมพันก่อนจะเล่นเกมที่เรียกว่า blind แต่ความต่างจะอยู่ที่ทุกคนต้องวางเงินเดิมพันนั้น
เป็นการเดิมพันด้วยจำนวนชิพทั้งหมดที่ตนมีลงกองกลาง
เป็นศัพท์สำหรับเรียกผู้เล่นที่ได้ไพ่ที่ต้องการจากไพ่ที่แจกใน turn และ river เพื่อให้ได้ไพ่เข้าคู่ในมือ ตัวอย่างเช่น มีไพ่หนึ่งโพแดงใน flop และผู้เล่นถือไพ่โพแดงคู่ในมือ ดังนั้น ผู้เล่นก็จะอยากได้ไพ่โพแดงใน turn และไพ่ใบอื่นใน river เพื่อให้ได้ “backdoor” flush
เมื่อผู้เล่นที่ถือไพ่เหนือกว่าผู้แต่แพ้ให้คู่ต่อสู้ที่ถือไพ่รองจาก flop, turn หรือ river
เป็นการเล่าเรื่องเดิมเกี่ยวกับเหตุการณ์ Bad beat ซ้ำ ๆ ไม่ว่าจะผ่านมานานกี่ปี่แล้วก็ตาม ซึ่งเนื้อหาก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่พูดถึงทุกครั้งก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี
จำนวนชิพที่ผู้เล่นที่นั่งถัดจาก Dealer ทางซ้ายมือคนที่ 2 ต้องวางก่อนจะแจกไพ่ จำนวนเงิน Big blind ขึ้นอยู่กับเงินเดิมพัน ซึ่งเหมือนกับ Ante ที่เพิ่มเงินกองกลางก่อนเริ่มการเล่น Big blind คือการเดิมพันตาแรกที่สมบูรณ์ซึ่งใช้คำว่า blind เนื่องจากวางจำนวนเงินโดยที่ยังไม่เห็นไพ่ (การเดิมพันแบบตาบอด)
เป็นคำศัพท์ใช้คู่กับ “small” หรือ “big”. อ่าน คำศัพท์ในคาสิโนออนไลน์ อื่นๆได้เลย
สำหรับผู้เล่นที่อยู่ใน 2 ตำแหน่งนี้จะนั่งอยู่ทางด้านซ้ายติดกับ dealer จะเป็นตำแหน่ง Small Blind และถัดไปอักจะเป็นตำแหน่ง Big Blind เป็นตำแหน่งที่จะช่วยเพิ่มเงินกองกลางก่อนเริ่มการเล่น
เป็นคำศัพท์สำหรับ community card ที่กึ่งกลางโต๊ะที่ผู้เล่นจะหยิบขึ้นมาเติมไพ่ในมือ
เป็นศัพท์สำหรับคนที่ตกรอบที่อยูในตำแหน่งถัดจากคนที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ในทัวร์นาเม้นท์ที่จะได้เงินรางวัล ตัวอย่างเช่น ในทัวร์นาเมนต์ที่มีผู้เล่น 500 คน จะมีผู้ได้รับเงินเพียง 15 อันดับแรกตำแหน่งที่ 16 เรียกว่า ” Bubble ” บางทีอาจถือเป็นตำแหน่งที่แย่ที่สุดในทัวร์นาเมนต์เลยก็ว่าได้
การทิ้งไพ่ก่อนที่จะเปิดไพ่ใบถัดไป ซึ่งไพ่ที่ถูกทิ้งจะถูกเรียกว่า “Burn card”
เพื่อป้องกันการจำตำหนิของไพ่ จึงต้องมีไพ่ Burn card เพื่อปิดบังตำหนิของไพ่ไม่ให้ใครได้เปรียบกว่าใคร
เป็นตำแหน่งที่หมายถึง Dealer
สำหรับ Dealer ในบ่อนคาสิโน จะสังเกตเห็นได้จากแผ่นพลาสติกที่เรียกว่า Dealer Button ซึ่งจะถูกวางอยู่ตรงหน้าผู้เล่น ตำแหน่งของ Dealer จะหมุนตามเข็มนาฬิกาของผู้เล่นตามการสับเปลี่ยนแต่ละครั้งสำหรับการเล่นรอบใหม่
ซึ่งตำแหน่ง Button นี้เป็นผลดีต่อผู้เล่นที่วางไพ่เป็นคนสุดท้ายของรอบ
ค่าธรรมเนียมในการเข้าร่วมtournament หรือจำนวนชิพขั้นต่ำที่ผู้เล่นต้องแลกซื้อเข้าก่อนจะนั่งเล่น (ขึ้นอยู่กับแต่โต๊ะ)
ซึ่งค่า Buy-in มักจะมากกว่า Big blind 20 เท่า เพื่อทำให้มีเงินเพียงพอในการเล่น ตัวอย่างเช่น หาก big blind คือ 10 บาท การซื้อในมักจะเป็น 200 บาทก่อนที่จะได้ที่นั่งเล่น
การสู้หรือวางเงินเดิมพันลงกองกลางเพื่อเล่นต่อ
การขอข้ามไม่สู้ในรอบนั้น ๆ
หากไม่คิดจะเล่นในรอบนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องสู้ และก็มีเพียงสองทางเลือกคือเดิมพันกับ Check หากไม่ต้องการเดิมพันก็สามารถ Check ได้ โดยหากมีผู้เล่น check ผู้เล่นคนต่อมาสามรถถเลือกได้ว่าจะ call (สู้), Fold (หมอบ) หรือ raise (เกทับ)
คือสถานการณ์ที่ผู้เล่นทำการ check ในตอนแรกก่อนจะมา raise (เกทับ) ทีหลังในรอบเดียวกัน แบบนี้เรียกว่า “Check-raise”
คือการ Call มากกว่าสองครั้งขึ้นโดยผู้เล่นคน ๆ เดียว ซึ่งหากมีผู้เดิมพันหรือ raise มาก่อนหน้าแล้ว มาถึงรอบของผู้เล่นคนถัดไปก็ Call อีก เรียกว่า Cold call
ไพ่ที่มีหน้าไพ่เรียงกัน เช่น 5 โพธิ์ดำกับ 6 โพธิ์แดง เรียกว่า Connector ซึ่งถ้าไพ่เรียงนั้นมีดอกเดียวกันด้วยก็จะเรียกว่า “suited connectors”
community cards คือไพ่ที่ถูกหงายหน้าไพ่วางอยู่กลางโต๊ะ ผู้เล่นสามารถหยิบ Community cards นั้นขึ้นมาผสมไพ่ในมือได้
คำศัพท์โป๊กเกอร์ Counterfeit
การที่ไพ่บน board เปิดออกมาซ้ำกับไพ่ในมือผู้เล่น
ตัวอย่างเช่น ผู้เล่นมีไพ่ในมือคือคู่ 6 และใน boardมีไพ่ A-A-8-4 ใน turn จะเรียกว่า “counterfeited” หากไพ่ river ออกมาเป็น 8 เพราะจะกลายเป็นไพ่คู่ 2คู่ จากไพ่ community cards ซึ่งเป็นคู่ที่ดีกว่าคู่ 6 ในมือของผู้เล่น
จะกลายเป็นว่าผู้เล่นต้องใช้ไพ่แต้มสูงสุดในมือแทนที่ไพ่คู่นั้น ซึ่งหากคู่ต่อสู้มีไพ่แต้มสูงกว่า 6 ก็จะชนะไปเลย
ตำแหน่งของผู้เล่นที่อยู่ด้านขวาของตำแหน่ง button
ผู้ทำหน้าที่สับไพ่และแจกไพ่ให้แก่ผู้เล่นและลงบน board
Button มักจะเป็นแผ่นพลาสติกโดยมีคำว่า “DEALER” อยู่บนแผ่นนั้นด้วยเพื่อระบุผู้เล่นที่รับผิดชอบ dealer button จะเวียนไปรอบโต๊ะตามเข็มนาฬิกาในแต่ละรอบ
การรอไพ่ที่จะถูกแจกลงมาบน board เพื่อให้เข้าชุดกับไพ่ในมือตัวเอง
ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้เล่นรอไพ่อีกใบเดียวหรือสองใบเพื่อที่จะได้ straight หรือ flush และมีการ call หรือเกไปในรอบที่กำลังรอไพ่ที่ต้องการอยู่เรียกว่า “drawing”
ซึ่งการ draw ส่วนใหญ่จะรอให้ draw ออกมาเป็น flush และ straight แม้ว่าอาจจะออกมาเป็นตอง full house ก็ตาม
คือไพ่community card ที่กำลังรออยู่ถูกแจกออกมา ทำให้ไพ่ในมือที่กำลังจะแพ้กลับมาชนะได้
การรอไพ่ใน board เพื่อทำให้ไพ่ในมือของตัวเองเข้าชัดและชนะ โดยไม่คาดคิดว่าผู้เล่นคนอื่นจะชนะไปก่อน
เช่น ผู้เล่นมีไพ่คู่สองคู่ และอยากได้ full house จากไพ่ river แต่ผู้เล่นได้ไพ่โฟร์ไปก่อนแล้ว เรียกการรอไพ่แบบนี้ว่า “drawing dead” เป็นการคาดหวังแต่ก็ไม่มีโอกาสได้ชนะเลย
เป็นคำที่ใช้เรียกไพ่ community cards สามใบแรกที่ถูกแจกในรอบแรกของการเดิมพัน
ใช้เรียกไพ่ที่มีดอกหรือสีเดียวกัน
การยอมแพ้ในตานั้นและจะทำให้เสียเงินที่เดิมพันไปแล้วด้วย
การหมอบมักจะเกิดขึ้นเมื่อผู้เล่นมั่นใจว่าไพ่ในมือของตอนสู้ไพ่ในมือของผู้เล่นคนอื่นในโต๊ะไม่ได้
ไพ่โปกเกอร์ที่ประกอบด้วยไพ่ที่มีเลขเดียวกัน 4ใบไม่เกี่ยวกับดอกหรือสี
ไพ่โปกเกอร์ที่ประกอบด้วยไพ่ตองและไพ่คู่
ไพ่ที่รอเรียง straight โดยรอไพ่เลขที่อยู่ตรงกลาง
เช่น เมื่อผู้เล่นมีไพ่ในมือ 5-6 และไพ่ flop เป็น 4-8-Q จะเห็นได้ว่า 7 จะต้องออกมาตอน turn หรือ river เพื่อให้เกิด “gutshot” straight
ใช้เรียกไพ่ 5ใบจากไพ่ในมือผู้เล่นและไพ่ community cards ยิ่งไพ่ Hand ดีกว่าจะมีโอกาสชนะมากขึ้น
ใช้เรียกเกมที่เหลือผู้เล่นเพียงสองคนดวลกันตัวต่อตัว
การคิดล่วงหน้าถึงการ call ของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งหากแจกไพ่มาแล้ว ผู้เล่นก็หวังว่าคู่แข่งจะ call เพราะผู้เล่นหวังจะได้เงินเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าฝ่ายตรงข้ามจะ call
ใช้เรียกสถานการณ์ที่ผู้เล่นสองคนมีไพ่แบบเดียวกันในการ showdown ซึ่งคนที่มีไพ่ Kicker สูงสุดจะชนะไป
ตัวอย่างเช่น ใน board มีไพ่ 3-5-5-6-6 โดยผู้เล่นที่หนึ่งมีไพ่ในมือคือ A-K และผู้เล่นที่สองมีไพ่ในมือ K-Q ผู้เล่นที่หนึ่งจะชนะเพราะมี Kicker สูงกว่า (A สูงกว่า K) เอซของผู้เล่นที่หนึ่งจะเรียกว่า “Kicker” เพราะมีไพ่ครบห้าใบพร้อมไพ่สองคู่
เป็นคำแสลงใช้เรียกการ call หมายถึงผู้เล่นที่มัก call และไม่ค่อยออกตัวแรง
เกมที่สามารถเดิมพันหรือเกด้วยจำนวนเงินที่ถูกจำกัดไว้
เป็นเกมที่ตรงกันข้ามกับเกมแบบ “no-limit”
ไพ่ “muck” คือไพ่ในมือทั้งหมดที่ถูกทิ้งไปเมื่อหมอบ ไพ่ที่ถูกทิ้งนั้นเรียกว่า “muck”
การเล่นที่ผู้เล่นสามารถเดิมพันได้ชิพทั้งหมดที่มี แม้จะมีการกำหนดขั้นต่ำ แต่ไม่มีการกำหนดเงินเดิมพันสูงสุด ที่ผู้เล่นสามารถเดิมพันหรือเกทับได้แบบ no limit ซึ่งในเกมแบบต้องกันข้ามจะเรียกว่าเกมแบบ “limit”
ไพ่ “nuts” คือไพ่ในมือที่ดีที่สุดที่จะได้ในเกมขณะนั้น
ตัวอย่างเช่น หากผู้เล่นมีไพ่ในมือเป็น 7 สองใบ และใน flop มีไพ่เป็น 7-6-2 แสดงว่าผู้เล่นมีไพ่ “nuts” ที่จะได้ตอง 7 ซึ่งถือว่าเป็นไพ่ดีในตอนนั้น แต่หากใน turn ต่อมาไพ่ออกเป็น 5 แสดงว่าผู้เล่นคนนั้นไม่มีไพ่ “nuts” แล้วแต่จะแตกอยู่กับคนที่ถือไพ่ 8-9 ในมือที่มีโอกาสจะได้ straight นั่นเอง
หากไพ่ river ออกมาเป็น 7 ไพ่ “nuts” ก็จะตกมาเป็นของผู้เล่นตามเดิมเพราะมีโอกาสจะได้ไพ่โฟร์ 7 ซึ่งถือเป็นไพ่ที่ดีกว่าในเกมนั้น
ใช้เรียกไพ่ในมือที่มีไพ่คนละดอกหรือคนละสี
ความหลากหลายของ Texas Hold’Em ที่ผู้เล่นจะได้รับไพ่โฮล (hole cards) 4 ใบ โดยใช้เพียงสองใบเข้าชุดกับไพ่ community cards ทั้งหมด 3 ใบจากทั้งหมด 5 ใบเพื่อให้ได้ไพ่ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เกมที่ไพ่ในมือของผู้เล่นทุกคนสามารถเข้าชุดได้กับไพ่ที่เหลือบนโต๊ะ ศึกษาข้อมูล ศัพท์พนันที่นักพนันควรรู้ <<< คลิกอ่าน
ใช้เรียกเกม Hold’Em เมื่อไพ่ในมือสองใบสูงกว่าไพ่ community cards ที่อยู่ใน board
ใช้เรียกการ straight จากการรอไพ่อีกหนึ่งหรือสองใบ เช่น ผู้เล่นมีไพ่ในมือคือ 5-6 และ flop คือ 4-7-Q, แสดงว่าผู้เล่นต้องรอให้แจกได้ไพ่ 3 หรือ 8 จาก turn หรือ river เพื่อให้ได้ straight
ซึ่งopen-ended straight มีโอกาสสองเท่าที่จะเกิด “gutshot” เนื่องจากมีไพ่สองใบที่จะทำให่ไพ่ในมือผู้เล่นเป็น straight ได้
เมื่อผู้เล่นรอบโต๊ะได้ button ครบทุกคนแล้วจะเรียกว่าครบ 1รอบ orbit
ใช้เรียกไพ่ที่ทำให้ไพ่ในมือผู้เล่นเข้าชุด ขณะที่ผู้เล่นสองคน all-in ผู้เล่นที่หนึ่งมีไพ่เอชในมือและผู้เล่นที่สองมีไพ่คิงในมือ แสดงว่าผู้เล่นที่สองต้องการไพ่คิงอีกใบ “เรียกได้ว่านี่คือไพ่ “out” เพื่อให้ชนะ
ใช้เรียกสถานการณ์ที่ผู้เล่นมีไพ่สูงกว่าทั้งไพ่ community cards หรือไพ่ในมือของผู้ต่อสู้
เช่น ในสถานการณ์ที่มีการ all-in ผู้เล่นสองคนต้องเปิดหน้าไพ่ หากผู้เล่นคนหนึ่งมีไพ่คู่คิงและผู้เล่นอีกคนมีคู่แจ๊ค จะเรียกได้ว่าไพ่คู่คิงคือ “over-cards”
ไพ่คู่ที่มีดอกหรือสีเดียวกัน
ไพ่ pocket cards (หรือไพ่โฮล (hole cards)) จะถูกแจกให้ผู้เล่นแต่ละคนเพื่อใช้จับคู่กับไพ่ community card
หากผู้เล่นเป็น “pot-committed” ก็หมายถึงผู้เล่นนั้นจะต้อง call เท่านั้นเพราะได้ลงเงินไปในกองกลางแล้ว และไม่มีเหตุผลให้ต้องหมอบ
เกมที่สามารถเดิมพันหรือเกทับได้มากสุดเท่ากับเงินกองกลางในขณะนั้น
อัตราส่วนของเงินในเงินกองกลางเทียบกับจำนวนที่ต้อง call เพื่อให้ได้เล่นต่อ
ตัวอย่างเช่น สมสุติว่าเงินกองกลางเป็นจำนวนกลมๆ เช่น 100 บาท และฝ่ายตรงข้ามเดิมพัน 10 บาททำให้เงินกองกลางเป็น 110 บาท หากผู้เล่นต้องการที่จะเล่นต่อและ call ไปจะต้องจ่าย 10 บาท ทำให้อัตราต่อรองเป็น 11 ต่อ 1 หากมั่นใจว่าตัวเองมีไพ่ดีในมือและมีโอกาสชนะก็ต้อง call
และหากผู้เล่นกำลังรอให้มีไพ่ที่ดีกว่าออกมาและมั่นใจว่าจะมีโอกาสชนะมากกว่า 11 ต่อ 1 ก็ต้อง call เช่นกัน
ไพ่ที่มีดอกหรือสีเหมือนกัน 4 ใบ
flop ที่ไม่มีไพ่ดอกเดียวกันเลย เช่น ไพ่ 3 ใบคนละดอก หรือคนละสี
ค่าธรรมเนียมหรือค่าต๋งที่ถูกเก็บจากกองกลาง
เกมโปกเกอร์มาตรฐานที่โดดเด่นด้วยการเดิมพันในแต่ละรอบไพ่
ไพ่ community cardsใบที่ 5 ที่ถูกวางลงบน board
คำแสลงของผู้เล่นที่ “ขี้ตืด” การ rock จะต้องใช้ความอดทนสูงในการนั่งโต๊ะยาวๆโดยยังไม่วางเงินในกองกลางจนกว่าจะถึงรอบ showdown ซึ่งเมื่อผู้เล่นคนนั้นได้เริ่มเดิมพันแล้วมักจะเป็นคนที่ชนะ
การเดิมพันด้วยจำนวนเงินที่มากกว่าขั้นต่ำที่กำหนด การเกทับหรือ Raise จะเป็นการทำให้ผู้เล่นคนอื่นถูกบังคับให้หมอบหรือต้องเดิมพันด้วยจำนวนเงินเพิ่มขึ้น
ชุดไพ่ที่ดีที่สุดในเกมทั้งในโปกเกอร์มาตรฐานหรือวิดีโอโปกเกอร์ เป็น straight flush ชุดที่แต้มสูงสุด (10-J-Q-K-A) ในสีหรือดอกเดียวกันหมด
เอาไว้เรียก tournament ที่ได้ต้อง buy-in ด้วยเงินจำนวนน้อยและได้เงินรางวัลจากจำนวนเงินจากผู้แข่งขันทั้งหมดและผู้ชนะจะได้ไปเข้าเล่นใน tournament ที่ใหญ่กว่าแทนที่จะได้เงินรางวัล
Satellites เป็น tournament ที่เปิดโอกาสให้ผ็เล่นได้เข้าร่วมเกม tournament ที่ได้เงินรางวัลมากขึ้นทั้งที่เริ่มต้น buy-in ด้วยจำนวนเงินไม่สูง(15,000 บาท vs 300,000 บาท)
เป็น bluff ที่ไพ่ในมือมีโอกาสจะกลายเป็นไพ่ turn หรือ river ได้หาก bluffนั้นไม่ทำงาน
ใช้กับการที่มีเลขที่แต้มตรงกับไพ่คู่ในมือของเราที่ถืออยู่ทำให้สามารถรวมกันได้เป็น ไพ่ตองหรือ three-of-a-kind
เป็นคำที่ใช้เมื่อผู้เล่นที่จำนวนชิฟน้อยกว่าผู้เล่นคนอื่นในโต๊ะหรือทัวร์นาเมนท์
เป็นตอนเดิมพันสุดท้ายที่ผู้เล่นที่เหลือจะต้องเปิดไพ่ของตน ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีผู้เล่น call ในรอบสุดท้ายของารเดิมพัน หรือมีคน all-in ก่อนที่จะถึงรอบสุดท้าย
Side pot คือคำเรียกเงินกองกลางที่มีเงินเดิมพันส่วนเกินจากผู้เล่นที่ all-in ซึ่งก็สามารถเกิด Side pot ขึ้นได้หลายกองหากมีผู้เล่นที่ all-in หลายคน ซึ่งผู้เล่นที่ all-in จะได้รับเงินกองกลางเท่ากับเงินที่ตัวเองเดิมพันไปเท่านั้น
เป็น tournament ที่ผู้เล่นจะเข้านั่งและรอเกมเริ่มจนกว่าผู้เล่นจะนั่งครบตามจำนวนที่กำหนด
Slow play
ใช้เรียกผู้เล่นที่ใช้เวลานานในการคิดเพื่อให้เอาชนะในรอบนั้นให้ได้ หากผู้เล่นได้ full house ก็มรโอกาสชนะสูงมาก แต่ผู้เล่นก็จะอาจดึงเกมเพื่อให้ตัวเองได้เงินกองกลางที่มากขึ้น
เป็นเงินที่จะถูกวางในตอนเริ่มเกมในจำนวนที่น้อยกว่า Big blind ครึ่งหนึ่ง
ผู้เล่นที่อยู่ซ้ายมือของ dealer button จะเป็นคนที่ต้องวางเดิมพัน Small blind
ชื่อเรียกผลลัพธ์ชองสถานการณ์ที่มีผู้เล่นสองคนมีไพ่ในมือแต้มเดียวกันทำให้เงินกองกลางถูกแบ่งออกให้ผู้เล่นเท่า ๆ กัน
“straddle” เป็นการเดิมพันก่อนดีลซึ่งมักจะทำโดยผู้เล่นที่อยู่ทางซ้ายของ big blind (ตำแหน่ under the gun)
โดย Straddle จะมีค่าเป็นสองเท่าของ big blind และ “ผู้เล่นที่ straddle” อาจ raise หรือเกทับเพิ่มอีกครั้งเมื่อครบรองแล้ว ซึ่งบ่อยครั้งที่การทำ Straddle มักไม่ได้รับอนุญาตในการแข่งขัน Tournament
เป็นการเดิมเกมต้องห้ามในการวางเดิมพันไม่ว่าจะเดินเกมช้าหรือเดิมเกมแบบยืดยาด
ซึ่งหากถูกจับได้ว่ามีคนทำเดิมพันแบบ String bet dealer จะหักจำนวนเงินที่เพิ่มออกไปเนื่องจากการกระทำของผู้เล่นคนอื่นอาจทำให้ “ผู้เล่นที่ทำ String bet” ได้เปรียบผู้อื่นเกินไป
ไพ่เลขเรียงกัน 5 ใบโดยไม่จำเป็นต้องมีสีหรือดอกเดียวกัน
ไพ่ที่มีสีหรือดอกเดียวกันทั้งหมดพร้อมทั้งเลขเรียงกันด้วย 5 ใบ
เป็นคำเอาไว้อธิบายอาการหรือรูปแบบการเดิมพันที่ทำให้รู้ว่าคู่ต่อสู้มีไพ่ในมืออะไรบ้าง
เป็นอาการของผู้เล่นที่เล่นแบบไม่มีสติซึ่งปกติจะเป็นหลังจากทำ bad beat แล้ว
การของต่อเวลาเพื่อคิดในเกมที่เวลาน้อยเพื่อไม่ให้ Dealer ข้ามไพ่ไปเพราะเราไม่ทำอะไรสักที
การที่เรามีไพ่คู่สูงที่สุดใน Board
อีเว้นของโปกเกอร์แบบหลายโต๊ะโดยเริ่มต้นเล่นด้วยจำนวนชิพที่กำหนด ผู้เล่นจะต้องเล่นเพื่อกำจัดคู่ต่อสู้ในทัวร์นาเมนท์ออก และจะจบลงก็ต่อเมื่อมีผู้เล่นหนึ่งคนได้ครอบครองชิพทั้งหมดเพียงคนเดียว โดยปกติจะมีเพียง 10%ของผู้เล่นที่ได้รางวัล
Trips
คำแสลงของไพ่ในมือแบบ “three-of-a-kind”
คำเอาไว้เรียกไพ่ community card ใบที่ 4
คำที่เอาไว้เรียกผู้เล่นที่นั่งอยู่ในตำแหน่งทางซ้ายมือของ big blind ที่จะได้ตัดสินใจคนแรก
และทั้งหมดนี้ก็คือ คำศัพท์โป๊กเกอร์ ที่มือใหม่ควรรู้ LYN59 สำหรับใครที่อ่านแล้วชอบก็อย่าลืม เข้าแชรฺ์ บทความ คาสิโนออนไลน์ นี้ไปเยอะๆ นะครับ ผู้เขียนจะได้มีกำลังใจทำเนื้อหา คอนเทนต์ที่มีประโยชน์และได้สาระแบบนี้ มาแชร์บอกต่อกันอีก